booruball

ไฟฟ้าไทยกับการใช้ทรัพยากรของเพื่อนบ้าน

จากปัจจุบันจนถึง 10 ปีข้างหน้าสัดส่วนการใช้ทรัพยากรของประเทศเราเอง กับการใช้ทรัพยากรจากต่างชาติดูจะใกล้เคียงกัน แต่หลังจาก 10 ปีเป็นต้นไป (ปี พ.ศ.2564) ทรัพยากรของเราเริ่มนิ่ง ปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ต้องการเพิ่มสูงขึ้นนั้นจะแปรผันตรงกับการเพิ่มขึ้นของการใช้ทรัพยากรจากต่างชาติทั้งหมด คราวนี้ที่น่าวิตกคือ ประเทศเราไม่ได้มีกำลังซื้อมากซะด้วย ทีนี้คนขายเชื้อเพลิงหรือขายไฟฟ้าให้เรา อยู่ดีดีเจอวิกฤตการณ์ หรือกลไกตลาด อาจไม่ขายให้เราซะเฉยๆ ก็เป็นได้ และที่ว่าประเทศหนึ่งเจริญ ช่วยทำให้ประเทศข้างเคียงเจริญไปด้วยกัน กรณีไทยอาจซื้อไฟฟ้าจากกัมพูชามั่งก้อได้ ถ้าไม่ทะเลาะกันแบบแตกหักซะก่อน [แต่ขอละไว้ในเรื่อง 3G 😛 เพราะประเทศลาวก้าวล้ำแบบไม่เห็นฝุ่นซะแร้ว]

ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ 3 ห้างใช้ไฟฟ้าเทียบเท่ากับเขื่อน 1 เขื่อน

ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯเพียง 3 ห้างใช้ไฟฟ้าเทียบเท่ากับเขื่อน 3 เขื่อนรวมกัน โดยห้างพารากอนห้างเดียวใช้ไฟเป็นสองเท่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งจังหวัด อนาคตพลังงานของเราอาจจะต้องมองการใช้พลังงานของคนกรุงเทพฯด้วยเช่นกัน

แสงอาทิตย์ใช้หลอมหินได้!

รายการจาก BBC แสดงให้เห็นว่าการใช้เลนส์แก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 2 เมตร ก็สามารถหลอมหินได้แล้ว ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ดวงอาทิตย์แม้จะอยู่ห่างจากเรามาก แต่ก็มีพลังงานมากมายมหาศาลจริงๆ กำแพงประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ยังรอให้เราได้พัฒนากันอีกมากมาย

ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น(2): รอยเลื่อนกับเขื่อนไทย

เหตุการณ์ ณ ตอนน้ำท่วมเมื่อพิจารณากับลักษณะของพีค มีสิ่งที่น่าสนใจคือ

+ ถ้าไม่ใช่ช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค. ปริมาณพีคคงไม่สูงสุด
+ ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาพีค ปริมาณพีคก็ไม่สูงสุดเช่นกัน แต่กรณีนี้แต่ละพื้นที่เวลาน้ำขึ้นไม่เท่ากัน ต้องพิจารณาละเอียดนิดนึง
+ ถ้าไม่ต้องให้ 2 เขื่อนเสี่ยงช่วย (1/3 ของทุกเขื่อน) โดยเตรียมเขื่อนอื่นไว้ผลิตไฟฟ้าเอง ก็ยังเพียงพออยู่จากปริมาณสำรองของเขื่อน 3 เท่าตัว
+ มีเขื่อนที่ประเทศลาวทำสัญญาซื้อไฟไว้ 6.6% ของปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าของไทย ในปี 54 เทียบกับเขื่อนในไทยเพียง 3.6% ในปีเดียวกัน แถมการจัดการยังอยู่ในมือเราที่เตรียมการวักน้ำเอาไว้ในเขื่อนเค้าก่อน เวลาต้องการก็ค่อยปล่อยน้ำได้อีก
อีกทั้งยังได้สรุปแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจของผู้บริหารไว้ด้วยค่ะ

ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น(1): รอยเลื่อนกับเขื่อนไทย

ดูเหมือนว่า “การจัดการเรื่องเขื่อนเชื่อมโยงกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมีความซีเรียสลดลงเยอะทีเดียว” และอีกข้อมูลสนับสนุนที่ว่า “เขื่อนในไทยก็จะผลิตปริมาณพลังงานไฟฟ้าลดลงจนเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ในปี 2573 ไปใช้ไฟฟ้าจากเขื่อนในลาวแทนด้วยส่วนนึง” นั้นก็เป็นข้อมูลเชิงบวกอีกด้วยค่ะ รู้สึกว่าการจะเกิดวิกฤตหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้องในการเปิดปิดน้ำแล้วละสิ

บรรยากาศงาน CEPSI 2008-2010

[blog] นี้เขียนเป็นลักษณะแง่มุมที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ได้มีโอกาสไปนำเสนอ Paper ด้านพลังงานผลิตไฟฟ้า ที่ประเทศมาเก๊า จนมาถึงปีนี้ที่ประเทศไต้หวัน

วงจรชีวิตของผู้ผลิตไฟฟ้า

เจ้าของบริษัทจะยอมให้เสียความพร้อมการผลิตไฟฟ้า จากความเสียหายอุปกรณ์ไม่ได้เลย เพราะนั่นหมายถึงรายได้ของบริษัทวันละหลายสิบล้านบาททีเดียว ดังนั้น งานซ่อมของโรงไฟฟ้าเหล่านี้นอกจากจะซ่อมกันทุกปีเมื่อมีเวลาว่าง แล้วก็มักจะทำตามบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด (บางทีก็ Over Maintenance กันแบบไม่รู้ตัว อุปกรณ์อาจไม่ได้ดีขึ้น แต่แย่ลงกว่าเดิมก็เป็นได้) ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนได้ในแง่ของความรู้ที่เก็บสะสมของผู้ทำงานในไทยเองว่า จะไม่ได้เก็บสะสมความรู้ในการซ่อม คิด ประดิษฐ์สิ่งทดแทนมาใช้ในงานซ่อม แต่ใช้วิธีซื้อ Parts เปลี่ยนซะเป็นส่วนใหญ่

Energy: Efficiency, Conservation, Savings

Energy Efficiency, Energy Conservation, Energy Savings ถ้าแปลเป็นไทย ก็คือ การอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ การประหยัดพลังงาน นั่นเอง และได้สอบถาม @KribBKK ผู้เชี่ยวชาญด้าน Energy Efficiency จาก Twitter เรื่องความแตกต่างของ 3 คำนี้ ว่าเป็นอย่างไร ได้คำตอบทันใจจากเว็บนี้ค่ะ

CEPSI2010 at a glance

งานประชุมสัมมนาวงการผู้ผลิตไฟฟ้าแห่งเอเชียนี้ ปีนี้จะจัดที่ประเทศไต้หวัน และได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 แล้ว ผู้เขียนเองได้มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมเวทีแห่งนี้ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 โดยในปีนี้ได้มีโอกาสนำเสนอใน Technical sessions ของปัญหา Steam Turbine ที่พบแล้วแก้ปัญหายากมากๆ ระดับ OEMs ยังกุมหัว คือ Subsynchronous Vibration

ดร.ก้องภพ กับการเปิดเผยเรื่องนอกโลกที่เราควบคุมไม่ได้

มนุษย์ทุกคนอยากรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวและโลกนี้ แต่เราคงไม่ได้ถูกทำให้รู้ ถ้าผู้ที่รู้ ก็รู้ไว้เฉยๆ ไม่ได้อยากให้ใครมารู้ด้วย อาจจะเกรงหรือไม่เกรงว่าจะเกิดความตื่นตระหนก หรือ จะทำให้กลไกในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไป หรือ ที่สำคัญที่สุดยิ่งไปกว่านั้นคือ คนเหล่านี้อยู่ในระดับที่สามารถรู้ได้ไหม

1 5 6 7 8 9 12