Dhamma

Dhamma-บทเรียนจากการปฏิบัติ รู้อัตตาตัวเองซะที!!!

ที่ว่ารู้ อัตตา ตัวเองเนี่ย ถ้าไม่พูดก็ไม่มีคนมาเตือน แต่ในทางธรรมะก็มีแต่คนพูดว่า ไม่ควรพูดให้มากเพราะจะฟุ้ง ตอนแรกก้อสงสัยแล้วจะเอายังไงเนี่ย ยังไงเนี่ย ก็ได้คำตอบมาจากคอร์สที่มาอบรม (อานาปานสติ ณ วัดสุนันทวนาราม) ว่าพูดได้เมื่อมีจังหวะ โอกาสที่เหมาะสม…สำหรับผู้ที่มาเตือนก็เป็นพี่สาวผู้ใจดี พี่ต๋อย นั่นเอง ที่บอกว่า ถ้าเรารู้สึกว่าเอาชนะตัวเองได้ อดทนนั่งได้นาน กระหยิ่มยิ้มย่อง ก็เรียกว่า เรามีอัตตาแล้วหล่ะ เพราะฉะนั้นก็ให้ทำแบบตามรู้ไป ตามรู้ว่าอดทน ก็ได้วิริยะขันติ ตอนเรากระหยิ่มยิ้มย่อง ก็ให้รู้ว่าเรารู้สึกถึงอัตตา ก้อ OK แล้วหล่ะสำหรับปุููุถุชนอย่างเราเรา 😀

ฝึกจิตเตรียมตัวเข้าวัด

ต้องเรียกว่า ภาวะเข้มข้นของจิต ถึงจะแยกออก อาจจะเปรียบเทียบได้เหมือนรสชาติที่ลิ้นรับรู้ ถ้าเราใส่เครื่องปรุงทุกอย่างเท่าๆ กันหมด รสออกมาอร่อยเชียว แต่ถ้าเราเพิ่มน้ำปลาลงไปอีกสัก 2-3 ช้อนเราจะรับรู้รสเค็มได้มากที่สุดเลย ก็คงเหมือนกิเลสตัวใดตัวหนึ่งออกมาอย่างชัดเจนเราถึงจะเห็นมันได้ไง

ธรรมะในกลุ่ม

หลังจากที่ได้ไปบ้านอารีย์ ฟังธรรมะจากหลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก วันที่ 23 ธันวา กับน้องภา และเ้ด้ง มาแล้ว รู้สึกว่าอาจจะจำกัดด้วยเวลา พระอาจารย์ได้สอนให้ไม่ยึดติด ปล่อยวางสำหรับคนที่ยังมีความโกรธได้ง่ายอยู่ ก็เลยตัดสินใจแน่นอนแล้วล่ะว่า ปีใหม่นี้เราจะต้อนรับปี 2552 ด้วยการไปฟังธรรมะ 3 วันที่ วัดสุนันทวนาราม ของพระอาจารย์นี่แหละ เลยได้เขียน blog ธรรมะ สดๆ ร้อนๆ เลย หลังจากไปปฏิบัติธรรมที่วัดสุนันฯ ประทับใจจัง ว่าเจออีกโลกนึงที่มีผู้คนมองเห็นและเข้าใจชีวิตเข้ามาอยู่ด้วยกัน (ถึงแม้ตัวเองยังไม่ีได้เข้าใจอย่างถ่องแท้น่ะค่ะ) แต่ไม่รู้ก่อนว่าทานอาหารได้มื้อเดียวค่ะ :{ พอรู้ก็สายไปเสียแล้ว ต้องสงบอย่างเดียวค่ะ