Nissan Leaf เพิ่งเปิดตัวในวันที่ 6 กย นี้กับระยะวิ่งที่ขยายได้ถึง 400 กม. ทำให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าของโลกเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง เพราะ LEAF วางตัวเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพียว (BEV) ที่มีราคาจับต้องได้มากที่สุด (ยอดขาย Leaf 280,000 คันในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกในส่วนของรถไฟฟ้า ในขณะที่ Tesla มียอดขายทุกรุ่นรวมกันประมาณ 100,000 คัน) อย่างไรก็ตาม Tesla Model 3 ที่เปิดให้จับจองก็โด่งดังมากเช่นกันและมียอดจองแบบมัดจำแล้วเป็นจำนวนถึง 300,000 คัน จนทำให้ Elom Musk ต้องพิจารณาแผนการก่อสร้างโรงงานอีกครั้ง
เปรียบเทียบความสามารถในการผลิดทั้ง Nissan และ Tesla
Nissan สร้างความมั่นใจใน mass production car ได้มากกว่า
Tesla Model 3 ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Tesla ที่เป็น Mass Production Car ในขณะที่ Nissan มีความเชียวชาญในการผลิต Mass Production car มายาวนานแล้ว Leaf ประกาศว่าจะเริ่มขายในญี่ปุ่นเดือน ตุลาคม 2017 และขายในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป ในเดือนมกราคม 2018 เรียกว่าเปิดตัวปุ๊ปก็ใช้เวลาไม่นานในการส่งมอบซึ่งก็เหมือนรถยนต์ทั่วไปนั่นเอง
ในขณะที่ Tesla เองโรงงานสำหรับผลิตแบบ Mass Production นั้นยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ Know How การผลิตนั้นยังไม่ชัดเจนเหมือน Nissan แต่ก็ยังสามารถขายฝันได้เป็นปีสไตล์อเมริกันสตาร์ทอัพ ข่าวการล่าช้าของการผลิตยังมีมาเรื่อยๆ และทาง tesla ก็ออกมาตอบโต้ว่าการก่อสร้างยังเป็นไปตามแผนอยู่ และล่าสุดสายการผลิตอาจมีการล่าช้าออกไปอีกเพราะสหภาพแรงงานมีทั้งประท้วงและกดดัน Tesla ว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสมและเหมือนนรก และ Suppier เจ้าสำคัญซึ่งเป็นบริษัทเยอรมันก็มีการประท้วงเกิดขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ คนที่จองยังอาจจะได้รถช้าถึงปลายปี 2018
เปรียบเทียบราคา Nissan Leaf และ Tesla Model 3
LEAF ถูกกว่า Model 3 (ถูกลงจากโมเดลก่อน) และ Model 3 สเป็คเหนือกว่า Leaf ดังนี้
- Tesla Model 3 เริ่มต้นที่ $36,200 แบ็ตเตอรี่ standard 60kWh วิ่งได้ 220 ไมล์ (EPA)
option Enhanced Autopilot (+$5,000)
option Full Self-Driving Capability (+ $3,000)
option long-range battery (+$9,000) 85kWh วิ่งได้ 310 ไมล์
option Premium interior (+5,000)
option ล้อ 19 นิ้ว คันในรูปด้านบน (+$1,500) - Nissan Leaf เริ่มต้นที่ $29,990 แบ็ตเตอรี่ standard 40kWh วิ่งได้ 150 ไมล์ (EPA)
(บริษัทแจ้งว่า วิ่งได้ 400km หรือ 235 ไมล์ ในการทดสอบ Japanese JC08 test และ 380km Europe’s NEDC)
ราคาในญี่ปุ่นประมาณ 9.5 แสนบาท
มาพร้อม ProPILOT Assist
Single Pedal Driving with e-Pedal
Apple Car Play หรือ Android Auto™
option long-range battery 60kWh ( ราคายังไม่ออก )
เปรียบเทียบลักษณะใช้งาน Nissan Leaf และ Tesla Model 3
– Tesla Model 3 มีแรงม้าประมาณ 258bhp แต่ Leaf มี 148bhp สมรรถนะ Tesla เหนือกว่าเข้าขั้นสปอร์ต ( 0-60 mph 5.6 วินาที ทำให้ผดส.ขนลุกได้) แต่สมรรถนะของ Leaf ก็ไม่ได้แย่ ( 0-60 mph ใช้เวลา 7.9 วินาทีของ Leaf ยังดีกว่ารถญี่ปุ่นขนาดกลางเครื่อง 2.0 แทบทุกคันในขณะนี้)
– Model 3 มาในสไตล์รถซีดานคุถภาพดีวิ่ง motorway ได้ดี Leaf เป็นรถแฮชแบ็กญี่ปุ่นที่ต้องการให้ใช้ในชีวิตประจำวันในเมืองได้ดี
– การตกแต่งภายใน Tesla model 3 ดูแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปด้วยหน้าจอแนวนอนขนาดใหญ่เตะตา และมีความเรียบหรูสไตล์สแกนดิเนเวีย ส่วนภายในของ Leaf จะเป็นการนำความทันสมัยมาใส่ในสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยอยู่และแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทำโดยวิศวกรซึ่งรู้จักตลาดดีกว่า
เปรียบเทียบเทคโนโลยี Nissan Leaf และ Tesla Model 3
Nissan Leaf ติดตั้งระบบ ProPilot system ซึ่งสามารถเข้าจอดอัตโนมัติได้ สามารถรักษาระยะวิ่งกึ่งกลางเลนได้ จัดการความเร็วได้ มี Lane-guidance มาให้แล้ว หยุดและออกวิ่งเองได้ตามการจราจร มีระบบคันเร่งแบบใหม่ล่าสุด e-Pedal เมื่อปล่อยคันเร่งจะเป็นการ brake Re-Generate แบบประสิทธิภาพสูง
Tesla Model 3 มี sensor ติดตั้งมาแล้ว แต่ถ้าจะเพิ่มการเข้าจอดอัตโนมัติได้ สามารถวิ่งในเลนได้ จัดการความเร็วได้ มี Lane-guidance (แบบ Leaf) จะต้องจ่ายเพิ่ม option Auto Pilot ด้วยราคาถึง $5000 แต่อย่างไรก็ตาม Auto Pilot gen 2 จะเหนือกว่าตรงเปลี่ยนเลนเองได้และผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว
ในอนาคตทั้งสองค่ายมีแผนจะอัพเดทระบบอัตโนมัติเช่นกัน โดยทาง Tesla มีเทคโนโลยีการขับขี่ที่น่าตื่นเต้นในขณะที่ Leaf มีการประสานกับระบบการบริหารพลังงานบ้านเรือนมาด้วยอย่างชัดเจน
สื่ออื่นๆ เปรียบเทียบ Nissan Leaf กับ Tesla Model 3 อย่างไรบ้าง ?
Stuff.tv ให้ Leaf เหนือกว่า Model3
torque news บอกว่าเปรียบเทียบไม่ได้ เป็นรถที่คนละระดับราคาเกินไป
Fortune บอกว่า Leaf คือ affordable Tesla model 3
Business Insider บอกว่า Leaf 2018 นั้นแข่งขันกับ Model 3 ได้ แต่น่าจะเปิดตัวมาช้าไปซะแล้ว